ฟิล์มสตริป (Filmstrips) เป็นเครื่องฉายระบบฉายตรง สามารถฉายได้ทั้งสไลด์และฟิล์มสตริปในเครื่องเดียวกัน เป็นภาพนิ่งโปร่งใสจำนวนหนึ่งที่ถ่ายเรียงลำดับบนฟิล์มขนาด 35ม.ม.เรื่องละประมาณ 30-60 ภาพ บันทึกภาพนิ่งเช่นเดียวกับสไลด์ แต่ไม่ตัดฟิล์มออกเป็นภาพ ๆ เมื่อจะฉายก็ใส่ฟิล์มทั้งม้วนเข้าในเครื่อง แล้วฉายภาพทีละภาพตามลำดับ
ก่อนปี ค.ศ.1960 ฟิล์มสตริป จะเป็นชนิดที่ไม่มีเสียงบรรยายแต่จะมีคำอธิบายอยู่ในภาพผู้ชมจะอ่านคำบรรยายจากฟิล์มได้ ต่อมาเมื่อมีการใช้เทปบันทึกเสียงมากขึ้น จึงมีการคิดเอาคำบรรยาย เสียงดนตรีและเสียงประกอบอื่นๆ บันทึกลงในเทปบันทึกเสียงนำมาใช้ร่วมกับการฉายฟิล์มสตริป ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นฟิล์มสตริปเสียงโดยเสียงนั้นใช้เทปบันทึกเสียงประกอบแยกต่างหาก หรืออาจมีเทปบันทึกเสียงสร้างไว้ในเครื่องฉายฟิล์มสตริปเป็นเครื่องเดียวกันก็ได้ และต่อมาได้พัฒนามาจนให้ภาพเลื่อนไปที่ละภาพสัมพันธ์กับเสียงประกอบ (Synchronization) โดยอัตโนมัติหรือการควบคุมเอง โดยมีสัญญาณบอกการเลื่อนภาพ
ชนิดของฟิล์มสตริป
1. ฟิล์มสตริปเงียบ (Silent Filmstrip) เป็นฟิล์มสตริปที่มีคำบรรยายภาพ เวลาฉายสามารถอ่านคำบรรยายจากฟิล์มได้
2. ฟิล์มสตริปเสียง (Sound Filmstrip) เป็นฟิล์มสตริปที่มีภาพส่วน คำบรรยายมักบันทึกลงบนเทปบันทึกเสียง เวลาฉายก็เปิดเสียงประกอบกับภาพ ครูอาจทำฟิล์มสตริปประกอบการสอนตนเองได้หลายวิธี วิธีที่ได้ผลดีก็คือทำบทเรียนที่จะถ่ายทำเป็นฟิล์มสตริปเขียนเป็นภาพและคำบรรยายประกอบเสียงตามลำดับเนื้อหา แล้วนำมาถ่ายซ้ำ ( Copy ) ด้วยฟิล์ม Positive สีหรือขาวดำตามต้องการ อีกวิธีหนึ่งที่ทำได้คือ นำกล้องถ่ายรูปไปบันทึกภาพต่างๆ ที่ต้องการให้เรียงลำดับติดต่อกัน ฟิล์มสตริปแบบนี้ควรบันทึกเสียงบรรยายลงบนเทปบันทึกเสียงประกอบขณะฉาย จะช่วยให้นักเรียนเข้าใจได้ดีขึ้น สำหรับเครื่องฉายฟิล์ม สตริบมีระบบการฉายแบบเดียวกับเครื่องฉายสไลด์ บางเครื่องอาจรวมอยู่กับเครื่องฉายสไลด์ เวลาครูจะใช้เครื่องแบบนี้ฉายฟิล์มสตริป ก็ใช้กลักใส่ฟิล์มสำหรับฟิล์มสตริป ถ้าจะฉายสไลด์ก็เปลี่ยนกลักใส่ฟิล์มสำหรับสไลด์ซึ่งมีมากกับเครื่อง เครื่องฉายที่ใช้ฉายได้ทั้ง สไลด์ และฟิล์มสตริป นี้เรียกว่าเครื่องฉายแบบประสม ( Combination Projector ) ดังนั้นจะเห็นได้ว่า ครุสามารถนำสไลด์และฟิล์มสตริปมาใช้ในการสอนได้โดยไม่ต้องลงทุนสูง และการนำไปใช้ได้ไม่ยาก
![]() |
เครื่องฉายฟิล์มสตริป |
ฟิล์มสตริปมี 2 ขนาด คือ
1) ขนาดกรอบภาพคู่ (Double Frame or Full Frame) ฟิล์มสตริปชนิดนี้ มีขนาด 1x1นิ้วครึ่ง นิ้ว ลำดับถ่ายภาพหรือถ่ายตามแนวนอนตลอดม้วน การฉายต้องฉายตามแนวนอนเช่นกัน ฟิล์มสตริปขนาดนี้เป็นขนาดเดียวกับสไลด์นั่นเอง
2) ขนาดกรอบภาพเดี่ยวหรือครึ่งกรอบภาพ (Single Frame or Half Frame) มีขนาดเป็นครึ่งหนึ่งของขนาดกรอบภาพคู่ คือมีขนาด 1x1/2นิ้ว ลำดับภาพหรือถ่ายทำตามแนวตั้ง การฉายต้องฉายตามแนวตั้งเช่นกัน ชนิดครึ่งกรอบจะมีลักษณะภาพในแนวตั้งกับม้วนฟิล์มสตริป ส่วนชนิดเต็มกรอบภาพนั้นภาพจะอยู่ในแนวนอนกับม้วนฟิล์มสตริปและชนิดเต็มกรอบภาพจะมีขนาดภาพเป็น 2 เท่าของชนิดครึ่งภาพ ฟิล์มสตริปหนึ่งม้วนจะมีกรอบภาพ ประมาณ 20 - 60 ภาพ และม้วนเก็บไว้ในกล่องพลาสติก
ข้อดี
1. เรียงลำดับภาพไว้อย่างดีแล้วจึงเหมาะสมสำหรับการสอนเรื่องราวที่เป็นลำดับขั้นตอน
2. ราคาถูกกว่าสไลด์ เนื่องจากไม่ต้องใส่กรอบ ซึ่งฟิล์มสตริปม้วนหนึ่งที่มีภาพประมาณ 60 ภาพ
3. ใช้สะดวกเนื่องจากบรรจุม้วนฟิล์มเล็กๆ เพียงม้วนเดียวแต่เสนอภาพได้จำนวนมาก
4. ส่วนใหญ่ ขนาดเล็กน้ำหนักเบา เก็บรักษาง่าย
2. ราคาถูกกว่าสไลด์ เนื่องจากไม่ต้องใส่กรอบ ซึ่งฟิล์มสตริปม้วนหนึ่งที่มีภาพประมาณ 60 ภาพ
3. ใช้สะดวกเนื่องจากบรรจุม้วนฟิล์มเล็กๆ เพียงม้วนเดียวแต่เสนอภาพได้จำนวนมาก
4. ส่วนใหญ่ ขนาดเล็กน้ำหนักเบา เก็บรักษาง่าย
5. ฟิล์มสตริปเหมาะที่จะใช้สอนรายบุคคลมากที่สุด เพราะสามารถควบคุมเวลาเรียนด้วยตนเอง
ข้อจำกัด
1. เปลี่ยนแปลงปรับปรุงเนื้อหาหรือลำดับภาพใหม่ เพิ่มเข้าตัดออกไม่ได้เหมือนสไลด์
2. ฟิล์มมีโอกาสเสียได้เร็วเนื่องจากถูกสัมผัสได้โดยตรง
2. ฟิล์มมีโอกาสเสียได้เร็วเนื่องจากถูกสัมผัสได้โดยตรง
3. การซ่อมแซมรูหนามเตย เมื่อเกิดการชำรุดเสียหายจากการใช้งานทำได้ยากปัญหาการชำรุดของหนามเตยมีเป็นประจำ เนื่องจากการใส่ฟิล์มไม่ตรง หรือใส่ไม่ถูกต้องเราสามารถตัดฟิล์มสตริปออกมาแล้วเข้ากรอบเป็นสไลด์ได้
4. ส่วนใหญ่ ไม่มีเสียงประกอบครูต้องบรรยายเอง
การนำไปใช้
ฟิล์มสตริปบรรจุไว้ในกล่องพลาสติกจึงขนย้ายได้ง่าย ฟิล์มสตริปเหมาะกับการสอนเป็นรายบุคคล ในด้านเนื้อหาวิชาต่าง ๆ ทุกวิชาและทุกระดับชั้น
แนวทางที่จัดเตรียมฟิล์มสตริป มีดังนี้
1. กำหนดวัตถุประสงค์ ให้สำพันธ์กับเนื้อหาและสื่อที่จะใช้แล้วหรือยัง
2. ฟิล์มนี้จะนำไปใช้กับผู้เรียนระดับใด
3. ต้องจัดทำ Content Outline Treatment และ Storyboard หรือไม่
4. ฟิล์มสตริปจะเป็นสื่อที่เหมาะสมกับเนื้อหานี้มากกว่าสื่อชนิดอื่นไหม
5. จำเป็นต้องเขียนสคริปต์และ Specifications หรือไม่
6. ต้องการความช่วยเหลือจากผู้อื่นหรือไม่
1. กำหนดวัตถุประสงค์ ให้สำพันธ์กับเนื้อหาและสื่อที่จะใช้แล้วหรือยัง
2. ฟิล์มนี้จะนำไปใช้กับผู้เรียนระดับใด
3. ต้องจัดทำ Content Outline Treatment และ Storyboard หรือไม่
4. ฟิล์มสตริปจะเป็นสื่อที่เหมาะสมกับเนื้อหานี้มากกว่าสื่อชนิดอื่นไหม
5. จำเป็นต้องเขียนสคริปต์และ Specifications หรือไม่
6. ต้องการความช่วยเหลือจากผู้อื่นหรือไม่
วิธีใส่ฟิล์มสตริปเข้าเครื่องฉาย
การร้อยฟิล์มสตริปเข้าเครื่องฉาย ควรปฏิบัติดังนี้ แบบกรอบภาพเดี่ยว (Single Frame)
1) ดึงม้วนฟิล์มออกดู (จับเฉพาะขอบฟิล์ม) จับฟิล์มให้อยู่ในลักษณะที่ถูกต้อง คือ ด้านอ่านหนังสือออกแล้วใส่ต้นฟิล์มหรือหัวเรื่องเข้าไปในเครื่องฉาย เหมือนกับสไลด์ คือหันด้านอ่านหนังสือออกเข้าหาหลอดฉาย (ด้านนี้คือด้านมันหรือด้านโค้งออกนั่นเอง) แล้วใส่หัวกลับลงการสังเกตด้านของฟิล์มสตริปง่ายกว่าสไลด์ เพราะมีตัวหนังสือโตพอที่จะสังเกตได้ชัดเจน โดยเฉพาะตอนต้นฟิล์ม ซึ่งก่อนจะถึงชื่อเรื่อง จะมีคำว่า โฟกัส หรือ FOCUS ให้สังเกตเห็นได้ง่าย
2) หมุนปุ่ม เพื่อให้ม้วนฟิล์มเข้าล้อเก็บฟิล์มด้านล่าง ถ้าเครื่องฉายมีเฟืองหนามเตย (Spocket) ต้องร้อยฟิล์มให้รูหนามเตยเข้าเฟืองหนามเตย มิฉะนั้นจะทำให้รูหนามเตยฉีกขาดได้เวลาเปลี่ยนภาพ เมื่อใส่เข้าที่เรียบร้อย ทดลองฉายดูเพื่อปรับแต่งกรอบภาพให้พอดีกับประตูฟิล์ม และปรับความชัดที่จอ ฟิล์มสตริปแบบกรอบภาพคู่ (Double Frame) ฟิล์มสตริปนี้มีวิธีใส่เหมือนกับชนิดกรอบภาพเดี่ยว ต่างกันตรงที่ชนิดกรอบภาพเดี่ยวฉายตามแนวตั้งจากบนลงล่าง ส่วนชนิดกรอบภาพคู่ ฉายตามแนวนอนจากซ้ายไปขวา เครื่องฉายบางชนิดได้ทั้งแนวตั้งและแนวนอน คือฉายได้ทั้งชนิดกรอบภาพเดี่ยวและกรอบภาพคู่เพียงแต่หมุนกลักที่ใส่ฟิล์มตามต้องการ เครื่องฉายฟิล์มสตริปส่วนมากเป็นชนิดกรอบภาพเดี่ยว การร้อยฟิล์มสตริปบางเครื่องอาจแตกต่างกันไป คือบางเครื่องที่มีระบบอัตโนมัติ ร้อยฟิล์มได้เอง การบังคับภาพให้เลื่อนก็สามารถทำได้โดยอัตโนมัติ ร้อยฟิล์มได้เอง การบังคับภาพให้เลื่อนก็สามารถทำได้โดยอัตโนมัติ ขอให้ศึกษาจากคู่มือที่ติดมากับเครื่องฉายประกอบด้วย เพื่อให้การใช้เป็นไปด้วยความรอบคอบ แต่ที่เหมือนกันทุกเครื่อง คือ จะต้องใส่กลับหัว โดยหันด้านที่อ่านหนังสือออกเข้าหาหลอดฉายเสมอ
วิธีใช้เครื่องฉายฟิล์มสตริป
การใช้เครื่องฉายฟิล์มสตริป ควรดำเนินการดังต่อไปนี้
1) ใส่ฟิล์มสตริปลงไปในที่ใส่ฟิล์มให้ถูกต้องและเรียบร้อย แล้วนำไปใส่กับเครื่องฉาย
2) เปิดสวิทซ์พัดลมและหลอดฉาย และให้ตรวจดูว่า พัดลมหมุนหรือไม่ ถ้าพัดลมไม่หนุนต้องแก้ไขให้เรียบร้อย
3) ปรับความชัดของภาพ โดยหมุนที่เลนส์ฉาย หรือปุ่มบังคับเลนส์
4) เปลี่ยนภาพและบรรยายประกอบตามต้องการ ถ้าใช้เทปประกอบการบรรยายให้เปิดเทปด้วย ถ้าเป็นเทปซิงโครไนซ์ ต้องต่อสายสัญญาณออกของเครื่องเทป (Out Put) เข้ากับช่องต่อสายบังคับการเปลี่ยนภาพ (Remote Control) ให้เรียบร้อย
5) ขณะทำการฉาย การควบคุมการทำงานของเครื่อง เครื่องบางชนิดการเปลี่ยนภาพอาจจะติดขัด โดยเฉพาะเครื่องที่ภาพผ่านเข้าออกประตูฟิล์มในแนวซ้ายขวา จะได้แก้ไขได้ทันที
6) เมื่อฉายจบ เอาที่ใส่ฟิล์มสตริปออกจากเครื่องฉาย และปิดหลอดฉาย
7) รอจนเครื่องฉายหรือหลอดฉายเย็น จึงปิดสวิทซ์พัดลม
8) ถอดปลั๊กไฟ เก็บเครื่อง และอุปกรณ์ต่าง ๆ ให้เรียบร้อย
บรรณานุกรม
เครื่องฉายสไลด์ ฟิล์มสตริป ภาพยนตร์ และเครื่องฉายภาพทึบแสง. (ม.ป.ป.). ค้นเมื่อ 14 กรกฎาคม 2554, จาก blog.prachyanun.com/news_file/p40790372038.doc
นฤมล ขันทะสีมา. (2544). filmstrips. ค้นเมื่อ 14 กรกฎาคม 2554, จาก http://sps.lpru.ac.th/script/show_article.pl?mag_id=6&group_id=29&article_id=275
ไมตรี บุญเครือบ. การผลิตสไลท์และฟิล์มสตริป. เชียงใหม่ : คณะศึกษาศาสตร์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่, 2531
ไมตรี บุญเครือบ. การผลิตสไลท์และฟิล์มสตริป. เชียงใหม่ : คณะศึกษาศาสตร์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่, 2531
ศูนย์พัฒนาทรัพยากรการศึกษา(ARDC) มหาวิทยาลัยมหาสารคาม. (ม.ป.ป.). ฟิล์มสตริป. ค้นเมื่อ 14 กรกฎาคม 2554, จาก http://cyberclass.msu.ac.th/cyberclass/cyberclass-uploads/libs/html/30668/Unit_8/Unit08_04.htm
Chareonkhaun Numpha, Sasikarn Pongpat และ Anong Sansila. (ม.ป.ป.). เครื่องฉายสไลด์ ฟิล์มสตริป ภาพยนตร์ และเครื่องฉายทึบแสง. ค้นเมื่อ 14 กรกฎาคม 2554, จาก http://cyberclass.msu.ac.th/cyberclass/cyberclass-uploads/libs/document/group%2010_043f.ppt
Norman,Rothschild. Making slide duplicates, titles & filmstrips. 2nd ed. Philadelphia : Chilton Book, 1965.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น