วันพฤหัสบดีที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

ฟิล์มสตริป (Filmstrips)


      ฟิล์มสตริป (Filmstrips) เป็นเครื่องฉายระบบฉายตรง สามารถฉายได้ทั้งสไลด์และฟิล์มสตริปในเครื่องเดียวกัน เป็นภาพนิ่งโปร่งใสจำนวนหนึ่งที่ถ่ายเรียงลำดับบนฟิล์มขนาด 35ม.ม.เรื่องละประมาณ 30-60 ภาพ บันทึกภาพนิ่งเช่นเดียวกับสไลด์ แต่ไม่ตัดฟิล์มออกเป็นภาพ ๆ เมื่อจะฉายก็ใส่ฟิล์มทั้งม้วนเข้าในเครื่อง แล้วฉายภาพทีละภาพตามลำดับ
ก่อนปี ค.ศ.1960 ฟิล์มสตริป จะเป็นชนิดที่ไม่มีเสียงบรรยายแต่จะมีคำอธิบายอยู่ในภาพผู้ชมจะอ่านคำบรรยายจากฟิล์มได้ ต่อมาเมื่อมีการใช้เทปบันทึกเสียงมากขึ้น จึงมีการคิดเอาคำบรรยาย เสียงดนตรีและเสียงประกอบอื่นๆ บันทึกลงในเทปบันทึกเสียงนำมาใช้ร่วมกับการฉายฟิล์มสตริป ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นฟิล์มสตริปเสียงโดยเสียงนั้นใช้เทปบันทึกเสียงประกอบแยกต่างหาก หรืออาจมีเทปบันทึกเสียงสร้างไว้ในเครื่องฉายฟิล์มสตริปเป็นเครื่องเดียวกันก็ได้ และต่อมาได้พัฒนามาจนให้ภาพเลื่อนไปที่ละภาพสัมพันธ์กับเสียงประกอบ (Synchronization) โดยอัตโนมัติหรือการควบคุมเอง โดยมีสัญญาณบอกการเลื่อนภาพ

ชนิดของฟิล์มสตริป 
1. ฟิล์มสตริปเงียบ (Silent Filmstrip) เป็นฟิล์มสตริปที่มีคำบรรยายภาพ เวลาฉายสามารถอ่านคำบรรยายจากฟิล์มได้ 
2. ฟิล์มสตริปเสียง (Sound Filmstrip) เป็นฟิล์มสตริปที่มีภาพส่วน คำบรรยายมักบันทึกลงบนเทปบันทึกเสียง เวลาฉายก็เปิดเสียงประกอบกับภาพ ครูอาจทำฟิล์มสตริปประกอบการสอนตนเองได้หลายวิธี วิธีที่ได้ผลดีก็คือทำบทเรียนที่จะถ่ายทำเป็นฟิล์มสตริปเขียนเป็นภาพและคำบรรยายประกอบเสียงตามลำดับเนื้อหา แล้วนำมาถ่ายซ้ำ ( Copy ) ด้วยฟิล์ม Positive สีหรือขาวดำตามต้องการ อีกวิธีหนึ่งที่ทำได้คือ นำกล้องถ่ายรูปไปบันทึกภาพต่างๆ ที่ต้องการให้เรียงลำดับติดต่อกัน ฟิล์มสตริปแบบนี้ควรบันทึกเสียงบรรยายลงบนเทปบันทึกเสียงประกอบขณะฉาย จะช่วยให้นักเรียนเข้าใจได้ดีขึ้น สำหรับเครื่องฉายฟิล์ม สตริบมีระบบการฉายแบบเดียวกับเครื่องฉายสไลด์ บางเครื่องอาจรวมอยู่กับเครื่องฉายสไลด์ เวลาครูจะใช้เครื่องแบบนี้ฉายฟิล์มสตริป ก็ใช้กลักใส่ฟิล์มสำหรับฟิล์มสตริป ถ้าจะฉายสไลด์ก็เปลี่ยนกลักใส่ฟิล์มสำหรับสไลด์ซึ่งมีมากกับเครื่อง เครื่องฉายที่ใช้ฉายได้ทั้ง สไลด์ และฟิล์มสตริป นี้เรียกว่าเครื่องฉายแบบประสม ( Combination Projector ) ดังนั้นจะเห็นได้ว่า ครุสามารถนำสไลด์และฟิล์มสตริปมาใช้ในการสอนได้โดยไม่ต้องลงทุนสูง และการนำไปใช้ได้ไม่ยาก

เครื่องฉายฟิล์มสตริป

ฟิล์มสตริปมี 2 ขนาด คือ
1) ขนาดกรอบภาพคู่ (Double Frame or Full Frame) ฟิล์มสตริปชนิดนี้ มีขนาด 1x1นิ้วครึ่ง นิ้ว ลำดับถ่ายภาพหรือถ่ายตามแนวนอนตลอดม้วน การฉายต้องฉายตามแนวนอนเช่นกัน ฟิล์มสตริปขนาดนี้เป็นขนาดเดียวกับสไลด์นั่นเอง
2) ขนาดกรอบภาพเดี่ยวหรือครึ่งกรอบภาพ (Single Frame or Half Frame) มีขนาดเป็นครึ่งหนึ่งของขนาดกรอบภาพคู่ คือมีขนาด 1x1/2นิ้ว ลำดับภาพหรือถ่ายทำตามแนวตั้ง การฉายต้องฉายตามแนวตั้งเช่นกัน ชนิดครึ่งกรอบจะมีลักษณะภาพในแนวตั้งกับม้วนฟิล์มสตริป ส่วนชนิดเต็มกรอบภาพนั้นภาพจะอยู่ในแนวนอนกับม้วนฟิล์มสตริปและชนิดเต็มกรอบภาพจะมีขนาดภาพเป็น 2 เท่าของชนิดครึ่งภาพ ฟิล์มสตริปหนึ่งม้วนจะมีกรอบภาพ ประมาณ 20 - 60 ภาพ และม้วนเก็บไว้ในกล่องพลาสติก

ข้อดี
                1. เรียงลำดับภาพไว้อย่างดีแล้วจึงเหมาะสมสำหรับการสอนเรื่องราวที่เป็นลำดับขั้นตอน
                2. ราคาถูกกว่าสไลด์ เนื่องจากไม่ต้องใส่กรอบ ซึ่งฟิล์มสตริปม้วนหนึ่งที่มีภาพประมาณ
60 ภาพ
                3. ใช้สะดวกเนื่องจากบรรจุม้วนฟิล์มเล็กๆ เพียงม้วนเดียวแต่เสนอภาพได้จำนวนมาก
                4. ส่วนใหญ่ ขนาดเล็กน้ำหนักเบา เก็บรักษาง่าย
                5. ฟิล์มสตริปเหมาะที่จะใช้สอนรายบุคคลมากที่สุด เพราะสามารถควบคุมเวลาเรียนด้วยตนเอง

ข้อจำกัด
                 1. เปลี่ยนแปลงปรับปรุงเนื้อหาหรือลำดับภาพใหม่ เพิ่มเข้าตัดออกไม่ได้เหมือนสไลด์
                 2. ฟิล์มมีโอกาสเสียได้เร็วเนื่องจากถูกสัมผัสได้โดยตรง
                 3. การซ่อมแซมรูหนามเตย เมื่อเกิดการชำรุดเสียหายจากการใช้งานทำได้ยากปัญหาการชำรุดของหนามเตยมีเป็นประจำ เนื่องจากการใส่ฟิล์มไม่ตรง หรือใส่ไม่ถูกต้องเราสามารถตัดฟิล์มสตริปออกมาแล้วเข้ากรอบเป็นสไลด์ได้
                 4. ส่วนใหญ่ ไม่มีเสียงประกอบครูต้องบรรยายเอง

การนำไปใช้
ฟิล์มสตริปบรรจุไว้ในกล่องพลาสติกจึงขนย้ายได้ง่าย ฟิล์มสตริปเหมาะกับการสอนเป็นรายบุคคล ในด้านเนื้อหาวิชาต่าง ๆ ทุกวิชาและทุกระดับชั้น




แนวทางที่จัดเตรียมฟิล์มสตริป มีดังนี้ 
                  1. กำหนดวัตถุประสงค์ ให้สำพันธ์กับเนื้อหาและสื่อที่จะใช้แล้วหรือยัง 
                  2. ฟิล์มนี้จะนำไปใช้กับผู้เรียนระดับใด 
                  3. ต้องจัดทำ Content Outline Treatment และ Storyboard หรือไม่ 
                  4. ฟิล์มสตริปจะเป็นสื่อที่เหมาะสมกับเนื้อหานี้มากกว่าสื่อชนิดอื่นไหม 
                  5. จำเป็นต้องเขียนสคริปต์และ Specifications หรือไม่ 
                  6. ต้องการความช่วยเหลือจากผู้อื่นหรือไม่ 

วิธีใส่ฟิล์มสตริปเข้าเครื่องฉาย
การร้อยฟิล์มสตริปเข้าเครื่องฉาย ควรปฏิบัติดังนี้ แบบกรอบภาพเดี่ยว (Single Frame)
1) ดึงม้วนฟิล์มออกดู (จับเฉพาะขอบฟิล์ม) จับฟิล์มให้อยู่ในลักษณะที่ถูกต้อง คือ ด้านอ่านหนังสือออกแล้วใส่ต้นฟิล์มหรือหัวเรื่องเข้าไปในเครื่องฉาย เหมือนกับสไลด์ คือหันด้านอ่านหนังสือออกเข้าหาหลอดฉาย (ด้านนี้คือด้านมันหรือด้านโค้งออกนั่นเอง) แล้วใส่หัวกลับลงการสังเกตด้านของฟิล์มสตริปง่ายกว่าสไลด์ เพราะมีตัวหนังสือโตพอที่จะสังเกตได้ชัดเจน โดยเฉพาะตอนต้นฟิล์ม ซึ่งก่อนจะถึงชื่อเรื่อง จะมีคำว่า โฟกัส หรือ FOCUS ให้สังเกตเห็นได้ง่าย
2) หมุนปุ่ม เพื่อให้ม้วนฟิล์มเข้าล้อเก็บฟิล์มด้านล่าง ถ้าเครื่องฉายมีเฟืองหนามเตย (Spocket) ต้องร้อยฟิล์มให้รูหนามเตยเข้าเฟืองหนามเตย มิฉะนั้นจะทำให้รูหนามเตยฉีกขาดได้เวลาเปลี่ยนภาพ เมื่อใส่เข้าที่เรียบร้อย ทดลองฉายดูเพื่อปรับแต่งกรอบภาพให้พอดีกับประตูฟิล์ม และปรับความชัดที่จอ ฟิล์มสตริปแบบกรอบภาพคู่ (Double Frame) ฟิล์มสตริปนี้มีวิธีใส่เหมือนกับชนิดกรอบภาพเดี่ยว ต่างกันตรงที่ชนิดกรอบภาพเดี่ยวฉายตามแนวตั้งจากบนลงล่าง ส่วนชนิดกรอบภาพคู่ ฉายตามแนวนอนจากซ้ายไปขวา เครื่องฉายบางชนิดได้ทั้งแนวตั้งและแนวนอน คือฉายได้ทั้งชนิดกรอบภาพเดี่ยวและกรอบภาพคู่เพียงแต่หมุนกลักที่ใส่ฟิล์มตามต้องการ เครื่องฉายฟิล์มสตริปส่วนมากเป็นชนิดกรอบภาพเดี่ยว การร้อยฟิล์มสตริปบางเครื่องอาจแตกต่างกันไป คือบางเครื่องที่มีระบบอัตโนมัติ ร้อยฟิล์มได้เอง การบังคับภาพให้เลื่อนก็สามารถทำได้โดยอัตโนมัติ ร้อยฟิล์มได้เอง การบังคับภาพให้เลื่อนก็สามารถทำได้โดยอัตโนมัติ ขอให้ศึกษาจากคู่มือที่ติดมากับเครื่องฉายประกอบด้วย เพื่อให้การใช้เป็นไปด้วยความรอบคอบ แต่ที่เหมือนกันทุกเครื่อง คือ จะต้องใส่กลับหัว โดยหันด้านที่อ่านหนังสือออกเข้าหาหลอดฉายเสมอ

วิธีใช้เครื่องฉายฟิล์มสตริป
การใช้เครื่องฉายฟิล์มสตริป ควรดำเนินการดังต่อไปนี้
1) ใส่ฟิล์มสตริปลงไปในที่ใส่ฟิล์มให้ถูกต้องและเรียบร้อย แล้วนำไปใส่กับเครื่องฉาย
2) เปิดสวิทซ์พัดลมและหลอดฉาย และให้ตรวจดูว่า พัดลมหมุนหรือไม่ ถ้าพัดลมไม่หนุนต้องแก้ไขให้เรียบร้อย
3) ปรับความชัดของภาพ โดยหมุนที่เลนส์ฉาย หรือปุ่มบังคับเลนส์
4) เปลี่ยนภาพและบรรยายประกอบตามต้องการ ถ้าใช้เทปประกอบการบรรยายให้เปิดเทปด้วย ถ้าเป็นเทปซิงโครไนซ์ ต้องต่อสายสัญญาณออกของเครื่องเทป (Out Put) เข้ากับช่องต่อสายบังคับการเปลี่ยนภาพ (Remote Control) ให้เรียบร้อย
5) ขณะทำการฉาย การควบคุมการทำงานของเครื่อง เครื่องบางชนิดการเปลี่ยนภาพอาจจะติดขัด โดยเฉพาะเครื่องที่ภาพผ่านเข้าออกประตูฟิล์มในแนวซ้ายขวา จะได้แก้ไขได้ทันที
6) เมื่อฉายจบ เอาที่ใส่ฟิล์มสตริปออกจากเครื่องฉาย และปิดหลอดฉาย
7) รอจนเครื่องฉายหรือหลอดฉายเย็น จึงปิดสวิทซ์พัดลม
8) ถอดปลั๊กไฟ เก็บเครื่อง และอุปกรณ์ต่าง ๆ ให้เรียบร้อย



                                          บรรณานุกรม

เครื่องฉายสไลด์   ฟิล์มสตริป  ภาพยนตร์  และเครื่องฉายภาพทึบแสง.  (ม.ป.ป.).  ค้นเมื่อ 14 กรกฎาคม 2554, จาก blog.prachyanun.com/news_file/p40790372038.doc

นฤมล  ขันทะสีมา.  (2544).  filmstripsค้นเมื่อ 14 กรกฎาคม 2554, จาก http://sps.lpru.ac.th/script/show_article.pl?mag_id=6&group_id=29&article_id=275
ไมตรี บุญเครือบ.  การผลิตสไลท์และฟิล์มสตริป.  เชียงใหม่ : คณะศึกษาศาสตร์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่, 2531  
ศูนย์พัฒนาทรัพยากรการศึกษา(ARDC) มหาวิทยาลัยมหาสารคาม.  (ม.ป.ป.).  ฟิล์มสตริป.  ค้นเมื่อ 14 กรกฎาคม 2554, จาก http://cyberclass.msu.ac.th/cyberclass/cyberclass-uploads/libs/html/30668/Unit_8/Unit08_04.htm

Chareonkhaun  Numpha, Sasikarn   Pongpat และ Anong   Sansila.  (ม.ป.ป.).  เครื่องฉายสไลด์ ฟิล์มสตริป ภาพยนตร์ และเครื่องฉายทึบแสงค้นเมื่อ 14 กรกฎาคม 2554, จาก http://cyberclass.msu.ac.th/cyberclass/cyberclass-uploads/libs/document/group%2010_043f.ppt

Norman,Rothschild.  Making slide duplicates, titles & filmstrips.  2nd ed.  Philadelphia : Chilton Book, 1965.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น